#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๕
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๒๘ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ ตั้งแต่เช้ามาก็ต้องวิ่งไปยังวัดหนองโพ จังหวัดราชบุรี เนื่องเพราะว่าพรรคพวกเพื่อนฝูง ก็คือพระมหาสมคิด อตฺถสิทฺโธ ปธ. ๗ เจ้าอาวาสวัดหนองโพ รองเจ้าคณะอำเภอโพธาราม ท่านได้จัดสร้างรูปหล่อท้าวเวสสุวรรณและวัตถุมงคลรูปท้าวเวสสุวรรณ ทั้งที่เป็นรูปหล่อลอยองค์ขนาดบูชา และเป็นเหรียญประจำวันสีต่าง ๆ ครบทั้ง ๙ สี
โดยที่ได้กำหนดเอาไว้ว่า ให้กระผม/อาตมภาพเป็นผู้ดำเนินการบวงสรวงขออนุญาต ในขณะเดียวกันกระผม/อาตมภาพเองพิจารณาว่า ไหน ๆ ก็ไปแล้วทั้งที จึงได้เสนอตัวเองเข้าไปทำการปลุกเสกด้วย ทั้ง ๆ ที่เจ้าภาพกำหนดให้เป็นแค่ผู้บวงสรวงขออนุญาตเท่านั้น เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า อันดับแรกเลยก็คือ พระมหาสมคิดท่านเกรงใจ เนื่องจากว่ากระผม/อาตมภาพนั้น ยังมีฎีกานิมนต์ให้สวดมนต์ฉันเพลในงานทำบุญ ๕๐ วัน ของพระเดชพระคุณพระราชรัตนวิมล (พยุง ฐิตสีโล ป.ธ.๔) อดีตเจ้าอาวาสวัดกาญจนบุรีเก่า อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งถ้าหากว่าช้าไป ก็อาจจะไปไม่ทันงานได้ แต่กระผม/อาตมภาพพิจารณาแล้วว่า น่าจะไปทัน ส่วนประการที่สองก็คือ บรรดาญาติโยมทั้งหลายที่ร่วมในงานอยู่นั้น ไม่ว่าจะเป็นท่านกำนันหน่อย (กำนันวิริยะ กิติกำจาย) และ ดร.เอกกฤต นารายณ์รักษานั้น ล้วนแล้วแต่อยากจะให้กระผม/อาตมภาพทำพิธีให้ด้วย เมื่อเป็นเช่นนั้น จึงได้เสนอตัวเองเข้าไป ซึ่งพระมหาสมคิด ท่านก็รับไว้ด้วยความยินดี หลังทำการปลุกเสกเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เดินทางไปยังวัดกาญจนบุรีเก่า และอาจจะเป็นเพราะบุญรักษา เทวดาสงเคราะห์ แม้ว่ารถค่อนข้างจะติดมาก เนื่องจากว่าระยะนี้กรมทางหลวงได้งบประมาณมาทำการซ่อมถนนทั่วประเทศหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ใดก็ตาม ล้วนแล้วแต่มีการปิดถนน ซ่อมถนนกันทั้งสิ้น แต่ในเมื่อบุญรักษา เทวดาคุ้มครอง โผล่ออกมาถึงก็เจอรถนำขบวนของพระเดชพระคุณพระเทพศาสนาภิบาล เจ้าคณะภาค ๑๔ พร้อมทั้งพระเดชพระคุณพระมงคลพัฒนาภรณ์ (ดิเรก ปีติทานนฺโท) เจ้าคณะอำเภอบ้านแพ้ว เจ้าอาวาสวัดหลักสี่สโมสร ซึ่งบางคนเรียกกันว่า วัดหลวงพ่อโต ที่กระผม/อาตมภาพเรียกท่านด้วยความเคยชินว่า "หลวงพ่อเจ้าคุณดิเรก" ผ่านมาพอดี จึงได้อาศัยเกาะท้ายท่านมา ทำให้มีความสะดวกคล่องตัวมาก เพราะว่ารถนำของตำรวจก็มักจะวิทยุบอกให้เจ้าหน้าที่จราจร ซึ่งอยู่ในเครือข่ายนั้น ๆ ทำการเปิดไฟเขียวให้ จึงไปแบบไม่มีการติดไฟแดงเสียเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ไปถึงวัดกาญจนบุรีเก่าทันเวลา ๑๐ โมงเช้าอย่างหวุดหวิด
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-05-2022 เมื่อ 02:41 |
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
เมื่อได้ขึ้นทำการสวดพระพุทธมนต์อาทิตตปริยายสูตรตามความนิยมและฉันเพลแล้ว ก็ต้องรออยู่จนกระทั่งบ่ายโมง เพราะว่าพระเทพศาสนาภิบาล เจ้าคณะภาค ๑๔ หรือว่าหลวงพ่อเจ้าคุณแย้มนั้น ได้นัดหมายให้บรรดาพระสังฆาธิการเจ้าคณะปกครอง ในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดนครปฐม จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดกาญจนบุรี และจังหวัดสมุทรสาคร มาร่วมกันเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมถวายหลวงพ่อพระราชรัตวิมล ในนามของคณะสงฆ์ภาค ๑๔
ทั้งพระเดชพระคุณพระเทพมหาเจติยาจารย์ (ชัยวัฒน์ ปญฺญาสิริ ป.ธ.๙) เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม พระเดชพระคุณพระเทพสาครมุนี (สมบูรณ์ ปญฺญาวุโธ ป.ธ.๙) เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาคร พระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ.๙) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ก็ล้วนแล้วแต่มาถึงโดยพร้อมเพรียงกัน ขาดแต่พรรคพวกเพื่อนฝูงอีกท่านหนึ่ง คือท่านพระครูวิบูลเจติยานุรักษ์ (ประไพ ปุญฺญกาโม ป.ธ.๓) เจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นบุคคลที่มีตำแหน่งหน้าที่มากมายมหาศาลพอ ๆ กับกระผม/อาตมภาพ แถมยังเป็นตำแหน่งหน้าที่ซึ่งใหญ่โตกว่าทั้งสิ้น อย่างเช่นว่าการปกครองคณะสงฆ์ ท่านก็เป็นถึงเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี ในเรื่องของการเรียนการสอน ท่านก็เป็นถึงผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์สุพรรณบุรีศรีสุวรรณภูมิ เป็นต้น จึงทำให้ท่านเดินทางมาไม่ทัน แต่ว่าบรรดาเจ้าคณะปกครองในจังหวัดสุพรรณบุรีนั้น ส่วนใหญ่ที่รู้จักมักคุ้น ต่างก็เดินทางมาถึงโดยพร้อมเพรียงกันแล้ว หลังจากที่ได้ทำการสวดพระอภิธรรม ถวายพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชรัตนวิมลเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไป โดยที่พระเดชพระคุณพระเทพศาสนาภิบาล หรือหลวงพ่อเจ้าคุณแย้มบอกว่า "ไม่ต้องวิ่งตามอีกนะ เพราะว่าเราไปคนละทางกัน" เนื่องเพราะว่ากระผม/อาตมภาพนั้น ยังต้องเดินทางไปยังวัดหัวโพธิ์ อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อทำการปลุกเสกวัตถุมงคลท้าวเวสสุวรรณอีกแห่งหนึ่ง ตรงจุดนี้ทำให้มาพิจารณาดูว่า ระยะนี้เป็นระยะที่ท่านท้าวเวสสุวรรณต้องรับภาระหนักมาก เพราะว่าส่วนใหญ่แล้ว วัดทั้งหลายก็มักจะสร้างวัตถุมงคลตามกระแส ก็คืออะไรดังขึ้นมาก็สร้าง ซึ่งต่างจากวัดท่าขนุน เพราะว่ากระผม/อาตมภาพนั้น หลายต่อหลายครั้งก็เป็นผู้นำกระแส แม้กระทั่งท้าวเวสสุวรรณก็ได้สร้างมาก่อนคนอื่นเขา จนกระทั่งจำหน่ายหมดเกลี้ยง ไม่มีอะไรเหลือแล้ว คนอื่นค่อยมาฮือฮาและมาทำตาม
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-05-2022 เมื่อ 02:43 |
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
วันก่อนซึ่งได้ทำการปลุกเสกวัตถุมงคลเนื่องในโอกาส ๙๙ ปีวันอาภากร ที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม กระผม/อาตมภาพก็ยังได้ปรารภกับพระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ ซึ่งเป็นรุ่นน้อง แต่ว่าบัดนี้ได้ทำหน้าที่เจ้าอาวาสวัดจันทาราม (ท่าซุง) แล้ว ว่าการจะทำอะไรก็ตาม เราต้องเป็นผู้นำกระแส ถ้าหากว่าคุณวิ่งตาม มีหวังเหนื่อยตายแน่นอน..!
แล้วก็เล่าเรื่องต่าง ๆ ที่กระผม/อาตมภาพทำหน้าที่วิ่งนำคนอื่น เพื่อที่จะลาก จะจูง บรรดาเพื่อนพระสังฆาธิการในเขตปกครอง ให้วิ่งตาม ๆ กันไป แม้ว่าส่วนหนึ่งจะก้าวขาออกบ้าง ไม่ออกบ้าง แต่ว่าถ้าเรานำอยู่ข้างหน้า ก็เป็นอันว่าเหนื่อยน้อยหน่อย แต่ถ้าหากว่าต้องวิ่งตามหลังนั้น จะเป็นอะไรที่เหนื่อยมากอย่างยิ่ง เมื่อปรารภไปแล้ว ก็ยังได้กล่าวว่า การที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ได้สอนมโนมยิทธิให้แก่พวกเรานั้น จะว่าไปแล้ว ในเรื่องทางโลกก็คือทำให้พวกเราทั้งหลายได้รู้ว่า อะไรที่เกิดขึ้นมาแล้ว อะไรที่กำลังเกิดขึ้น และอะไรที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต แม้กระทั่งเรื่องทางโลกแบบนี้ เราก็ยังมีโอกาสที่จะรู้ก่อนคนอื่นเขา ทำให้ตัดสินใจได้ว่า สิ่งนี้เราควรที่จะทำอะไร สิ่งนี้เราควรที่จะไม่ทำอะไร อย่างเช่นว่า ในเรื่องของเงินทอนวัด ซึ่งกระผม/อาตมภาพขอบอกกล่าวแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และญาติโยมทั้งหลายที่ฟังอยู่ว่า "เรื่องนี้ยังไม่จบ อีกไม่กี่วันจะมีปะทุขึ้นมาอีก" นี่คือสิ่งที่ท่านทั้งหลาย ถ้าหากว่ารู้ล่วงหน้าแล้ว จะทำการแก้ไขอย่างไร แต่ว่ากระผม/อาตมภาพนั้น เมื่อออกจากวัดท่าซุงไปอยู่ที่เกาะพระฤๅษี หลังจากที่ผ่านไปแล้ว ๘ เดือน พระเดชพระคุณหลวงพ่อซึ่งมรณภาพไปแล้ว ก็มาปรากฏตัวกันแบบเห็น ๆ เลย โดยที่ได้ถามว่า "แกมีเงินส่วนตัวเท่าไร ?" กระผม/อาตมภาพตอบด้วยความปลาบปลื้มใจ ปนอวดตัวหน่อย ๆ ว่า "ไม่มีเลยครับ กระผมผลักลงกองกลางไปจนหมดแล้ว" พูดง่าย ๆ ว่าอยากจะอวดครูบาอาจารย์ว่าท่านสอนมาดี ทำให้กระผม/อาตมภาพไม่มีความโลภ พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านจึงได้ถามต่อไปว่า "ถ้าอย่างนั้น แกใช้เพื่อสงฆ์ไปเท่าไร ?" กระผม/อาตมภาพตอบว่า "ไม่ทราบครับ" "แล้วแกใช้เพื่อส่วนตัวไปเท่าไร ?" กระผม/อาตมภาพตอบว่า "ไม่ทราบครับ" พอไม่ทราบครับ แค่ ๒ ครั้งเท่านั้น ไม้เท้าก็ฟาดเปรี้ยงลงกลางหัวเลย..! เล่นเอาเห็นดาวเห็นเดือน ทั้ง ๆ ที่เป็นเวลากลางวันแสก ๆ..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-05-2022 เมื่อ 02:57 |
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
หลังจากนั้นพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านก็สั่งว่า "ไปรื้อบัญชีแล้วทำใหม่เดี๋ยวนี้ ทุกบาททุกสตางค์แกรับมาจากใคร ใช้ไปในงานอะไร ถ้าหากว่ามีใครตรวจสอบต้องชี้แจงเขาได้ โดยเฉพาะการซื้อของ ถ้าเป็นไปได้ให้ขอบิลเอาไว้ทุกครั้ง" กระผม/อาตมภาพจึงต้องไปนั่งตูดด้านอยู่หลายวัน กว่าที่จะรื้อบัญชีต่าง ๆ ออกมาทำจนเสร็จสิ้น
โดยเฉพาะสิ่งที่ยุ่งยากที่สุดคือบัญชีเงินส่วนตัว เพราะว่านึกไม่ค่อยจะออกแล้ว เนื่องจากว่าระยะเวลายาวนานถึง ๘ เดือน จึงได้ตัดใจว่า ๘ เดือนแรกนี้ เราจะไม่เอาเงินส่วนตัวแล้ว ผลักลงกองกลางไปทั้งหมดเลย ทำเฉพาะบัญชีเงินสงฆ์เท่านั้น แล้วก็ทำต่อเนื่องยาวนานมาจนถึงปัจจุบันนี้ เป็นเวลา ๓๐ ปีไปแล้ว ดังนั้น...ถ้าหากว่าบุคคลหนึ่งบุคคลใด หรือว่าคณะบุคคลใด จะตรวจสอบบัญชีของกระผม/อาตมภาพแล้ว นอกจากจะตรวจสอบบัญชีในตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ท่านยังสามารถ ตรวจสอบบัญชีในตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดทองผาภูมิ สามารถตรวจสอบบัญชีในตำแหน่งประธานที่พักสงฆ์เกาะพระฤๅษี ย้อนหลังไปได้ถึง ๓๐ ปีทีเดียว จะเห็นได้ว่า พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านได้เมตตาตักเตือนเอาไว้นานมาก กว่าที่เหตุการณ์เรื่องเงินทอนวัดจะเกิดขึ้น และที่กำลังจะเกิดขึ้น ในเมื่อสิ่งที่ครูบาอาจารย์ท่านสั่งท่านสอนมา ทำให้เราสามารถรู้ได้ทั้งในทางโลกและทางธรรม ในทางโลกก็คือ สามารถที่จะปรับการดำเนินชีวิต การบริหารกิจการงานต่าง ๆ ให้เป็นไปในด้านดี โดยเฉพาะในด้านที่ไม่ผิดพลาดให้คนอื่นเขาจับผิดได้ ในด้านธรรมะก็คือ สามารถที่จะใช้กำลังของมโนมยิทธิในการตัดกิเลสโดยอัตโนมัติ รู้จักพระนิพพานได้ ไปพระนิพพานตรง ซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านได้เมตตาสั่งสอนวิชานี้เอาไว้ แต่ก็เสียดายเป็นอย่างยิ่งว่า พระพี่พระน้อง ตลอดจนกระทั่งญาติโยมส่วนใหญ่ นำไปใช้ทางที่ผิด..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-05-2022 เมื่อ 02:59 |
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
มโนมยิทธินั้น พระเดชพระคุณหลวงพ่อตั้งใจให้เรารู้เพื่อละ แต่ละชาติที่เกิดมามีชาติใดไม่ทุกข์บ้าง ? ปัจจุบันนี้ก็ทุกข์อยู่ ถ้าต้องเกิดอีกก็ทุกข์อีก แต่ว่าท่านทั้งหลายส่วนใหญ่กลับไปยึด ก็คือเที่ยวไปดูว่าบุคคลนั้นในอดีตเป็นอย่างนั้นกับเรา เป็นอย่างนี้กับเรา แล้วแทนที่จะเข็ด จะพอ กลับไปฟื้นความสัมพันธ์กันใหม่
ถ้ากระผม/อาตมภาพเตือนได้ก็จะเตือน ถ้าหากว่าไม่มีสิทธิ์ที่จะตักเตือนก็จะเงียบเอาไว้ ได้แต่คิดในใจว่า "ยังว่ายน้ำอยู่กลางทะเลทุกข์ แทนที่จะรีบขึ้นสู่ฝั่ง กลับไปกอดกันเป็นพรวน ก็จะได้จมน้ำตายกันทั้งหมดเท่านั้นเอง..!" สำหรับวันนี้ ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๘ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-05-2022 เมื่อ 03:00 |
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|